วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ตกปลาอินทรี

สวัสดีเช่นเคย ครั้งนี้มากับกระแสการตกปลาอินทรีกันสักหน่อย คือการตกปลาอินทรี หรือการตกปลาน้ำเค็มชนิดนี้คือเป็นการออกกำลังกายที่ดีเลยที่เดียว สภาพร่างกายต้องพร้อม ทนร้อนได้ ทนกับความเหนื่อยล่า สภาพอากาศ คลื่นลมได้ เป็นอย่างดี อุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมากมายก่ายกอง ใช้ตามงบประมาณ หาสายหน้าดีๆ กับเทคนิคในการตกปลาเฉพาะตัว เท่านี้ก็ได้แล้ว การตกปลาอินทรี นั้นมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการ ตกแบบ ปล่อยสาย หรือการตกแบบ jigging และ Casting นั้นมีการตกและขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป การตกแบบปล่อยสาย หรือ ลอยอินทรี จะใช้ชุดสายหน้าที่เป็นลวดสลิง พร้อมด้วยตาเบ็ด สามทาง 2ถึง3ตัว แล้วแต่ตามขนาดของตัวลูกเหยื่อ ในส่วนตัวเหยื่อมักจะใช้เป็นลูกปลาที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่สามารถว่ายน้ำได้แข็งแรง เอามาเกี่ยวด้วยความรวดเร็ว แล้วปล่อยให้สายลอยไปตามกระแสน้ำ โดยใช้ขวดน้ำมัดติดที่สายหลักเพื่อเป็นจุดสังเกตุ ให้เห็นเวลาปลาลากเหยื่อ ในส่วนตัวรอกให้เปิดเบรกให้ปลาสามารถลากสายออกไปได้ ถ้าสภาพน้ำดี คือจะใช้เวลารอไม่นาน ปลาก็จะเข้ามาติดเบ็ด แต่ถ้าสภาพอากาศไม่อำนวยคือวันนั้นจบเกมทันที่
ในส่วนของการตกแบบ casting นั้นง่ายมากเพียงแค่มี คันที่เหมาะกับงาน ตีเหยื่อปลอมทะเล และรอกเบอร์3000 กับชุดสายพีอี และชุดสุดท้ายคือชุดปลายสายกับเหยื่อคู่ใจ เท่านี้ก็เริ่มเกมได้แล้วครับ คือเราจะตีเหยื่อออกให้ไกลจากจุดที่เราอยู่ให้ได้มากที่สุด แล้วปล่อยให้เหยื่อจมลง ให้นับ1-20 หรือบางกรณีให้เหยื่อตกถึงพื้น แล้วให้รีบปั่นเก็บสายให้เร็ว ตัวเหยื่อก็จะพุ่งขึ้นมาในแนวเฉียงกับพื้น ตอนปลาเข้ากัดเหยื่อให้เราพยายามจำระยะในการเก็บสายจะได้รูว่าปลากัดเหยื่ออยู่ในระดับน้ำเท่าไร เพื่อเป็นการง่ายในการตกตัวต่อไป
ถ้าเห็นปลาอินทรีขึ้น ไล่กัดลูกปลาด้วยยิ่งง่ายจะเป็นการให้เรารู้ ว่าฝูงปลาอยู่บริเวณไหนมากกว่า ส่วนใหญ่คนขับเรือจะขับเรือตามฝูงปลาเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้เราตีเหยื่อเข้าหาฝูงปลา แต่อีกอย่างคือเวลาเหยื่อตกถึงผิวน้ำ ส่วนใหญ่เหยื่อจะขาด เนื่องจากฝูงปลาจะเข้ามารุมกัดเหยื่อของเราคิดว่าเป็นลูกปลานั้นเอง
ในการตกแบบ jigging นั้นจะเหนื่อยหน่อย เพราะว่าเราต้องปล่อยสายให้เหยื่อตกถึงพื้น แล้วกรอเก็บสายด้วยความเร็ว ส่วนอุปกรณ์นั้นไม่มีอะไร แตกต่างจากการตกแบบแคสติ้ง มีแตกต่างก็เพียงแค่ตัวเหยื่อ และน้ำหนักของเหยื่อ ส่วนใหญ่จะเป็นเหยื่อที่มีรูปร่างเพรียว ไม่ต้านมือมีขนาดเล็กแต่มีน้ำหนัก คือเราจะปล่อยสายให้เหยื่อตกลงถึงพื้น หรือให้อยู่ในระดับที่เราต้องการ แล้วให้รีบกรอเก็บสายขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว ปลาอินทรีจะเข้ากัดเหยื่อในระดับกลางน้ำหรือผิวน้ำนั้นขึ้นอยู่กับระดับที่ฝูงปลารวมตัวกันหากิน ตามสภาพน้ำ คือการตกในแบบ สปิดจิ๊ก เป็นการตกปลาที่เหนื่อยเอาเรื่องเลยที่เดียว ปล่อยเหยื่อแล้วหมุน คือจะทำแบบนี้วนเวียนไปเลยๆ จนกว่าปลาจะเข้ากัดเหยื่อ เอาเป็นว่าขอจบไว้เพียงเท่านี้แล้วกัน ค่อยติดตามกันต่อไปว่าจะมีอะไรใหม่ๆมาให้อ่านกันอีก สวัสดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ตกปลาช่อน ตอนที่1

           สวัสดี​ครับ ผม​กลับมาแล้วครับ ไม่ได้หายไปไหนเพียงแต่ยังหาเวลามานั้งเขียนไม่ได้ครับ  เอาละว่าแล้วก็เริ่มกันเลยดีกว่าครับ การตกปลาช่อนนั้น มีวิธีหลากหลายกันออกไป ตามชนิดของตัวเหยื่อ ตามวิธีการประกอบชุดสายเข้ากับตัวเหยื่อ ซึ่งจะให้อธิบายออกเป็นข้อๆๆก็คงไม่หมดแน่นอน เอาเป็นแบบภาพรวมๆๆเลยแล้วกัน การตกแบบง่ายๆไม่มีอะไรยุ่งยาก​ ไม่เรื่องมากนั้นก็คือ กบยาง  คือมีติดไว้ในกล่องไม่ผิดหวังแน่นอน กบยางใช้งานง่าย ตกข้างทางหมายรกๆ ไม่ว่าจะเป็นต้นหญ้า​ กอบัว กิ่งไม้​ อุปสรรค​มากมาย กบยางก็สามารถ​ทำได้ดีเลยที่เดียว ขอให้ตีเหยื่อเข้าเป้า   

การตกปลา​ช่อน ด้วยกบยางเป็นวิธีที่ง่าย เพียงแค่ตีเหยื่อ ออกไปแล้วหมุนกลับมา ควบคุมเหยื่อให้เป็นไปตามทิศทาง ที่เราต้องการ หมุนเก็บสายมาเลื่อยๆ ผ่านกอหญ้า กอไม้มา ปลาช่อนจะชอบหลบตัวตามกอหญ้า​กอบัว กองไม้ ใต้น้ำ​ เวลากัดเหยื่อกบยางมักจะขึ้นกัดเหยื่อบนผิวน้ำ ส่วนใหญ่ตัวเหยื่อจะเข้าไปในลำคอของปลาช่อน โอกาสหลุดมีน้อยมาก 

       การตกปลา​ช่อน ด้วยเหยื่อกระดี่​ วิธีนี้ก็ง่าย ไม่แพ้กบยาง เพียงแต่ต้องดูหมายให้ออก  เอาง่ายๆก็วัดดวงกันไปเลยด้วยไม้แรก ตีเหยื่อออกไปเช็คสภาพใต้น้ำ เศษไม้ เศษหญ้า ว่ามากน้อยขนาดไหน ไม้แรกถ้าโชคดี​ก็ได้ตัวเลยก็มี คือตีเหยื่อออกไป ปล่อยให้ตัวเหยื่อจมสักพักแล้วเราค่อยกรอสายกลับมา อย่างช้าๆๆยกปลายคันให้เหยื่อ อยู่ในระดับอยู่ห่างจากพื้นเพื่อไม่ให้ตาเบ็ด ไปเกี่ยวกับเศษหญ้าใต้น้ำ คือไม่ต้องสร้างเอ็คชั่น​อะไรให้ยุ่งยากมากมาย  ตัวเหยื่อจะออกลวดลายสบัดไปมาตามรูปร่างที่ถูกสร้าง ถ้าสภาพใต้น้ำมีอุปสรรค​เยอะเกินไป ก็ต้องหาเหยี่อตัวอื่นมาแทน


   เอาเป็นว่า ขอตัดบทไว้เพียงเท่านี้ก่อนแล้วกัน เอาไว้บทความหน้า ค่อยมาต่อกันไหม สวัสดี​ครับ