การตกปลาด้วยวิธี jigging นั้นไม่ยาก เพียงแค่คุณต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม แค่คุณปล่อยสาย ให้เหยื่อลงไปในน้ำ เมื่อเหยื่อตกถึงพื้น คุณก็หมุนเก็บสายขึ้นมาในแนวดิ่ง แบบนั้นง่ายๆๆ แต่ทำแค่นั้นยังไม่พอ ต้องเพิ่มทักษะเข้าไปอีกระดับครับ คราวนี้จะแยกออกเป็นข้อๆๆ ซึ่งจะมีความยากและง่ายแตกต่างกันออกไปครับ
การตกแบบ speedjig คือ การหมุนเก็บสายด้วยความรวดเร็วนั้นเอง แต่การตกในลักษณะนี้ คุณต้องหา รอก ที่มีความเร็วรอบที่สูงในการเก็บสายซึ่งจะเหมาะกับการตกในลักษณะนี้ ในส่วนเรื่องของคัน ความยาวก็จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน6ฟุต ส่วนสเปกของคัน ขึ้นอยู่ที่การใช้งานว่าเราใช้เหยื่อหนักกี่กรัม ใช้สายเท่าไร เราก็ต้องจัดเตรียมให้เหมาะสมกัน
อธิบายคราวๆๆก็คือ การตกแบบ speedjig จะเป็นการหมุนเก็บสาย เหยื่อจะพุ่งขึ้นในแนวดิ่ง ด้วยความรวดเร็ว สีและเอ็คชั่นของเหยื่อจะเป็นตัวกระตุ้นให้ปลา ไล่กัดเหยื่อของเรา ซึ่งจะเหมาะกับการตกปลาอินทรี ปลากุเลา ประมาณนี้ ในส่วนของเหยื่อก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับความแรงของกระแสน้ำ
ในส่วนของการตกแบบ slowjig จะเป็นการใช้คันเบ็ด ยกตัวเหยื่อขึ้น และ ปล่อยลง เพื่อให้เกิดเอ็คชั่นของตัวเหยื่อ การตกในลักษณะนี้จะเหมาะกับปลาที่อาศัยอยู่บริเวณหน้าดินเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีปลาหลากหลายชนิด การตกแบบ slowjig มีหลากหลายขั้นตอน เช่น การกระดกปลายคัน พร้อมกับหมุนเก็บสาย แต่การเก็บสายไม่ได้เก็บเพียงหมุนในรอบเดียว จะแบ่งออกเป็น 3 ถึง 4 ช่วงในการหมุนเพียง 1 ครั้ง เป็นต้น แล้วจะเพิ่มการยากขึ้นไปที่ละขั้น ๆๆ นี้เป็นแค่ขั้นตอนคราวๆๆในการตกแบบ jigging จะมาแยกออกเป็นส่วนๆๆให้อีกครั้ง รวมถึงเรื่องของเหยื่อ ในบทความต่อไปครับ